สั่นสะเทือนวงการบันเทิง เส้นทางรัก ของ บุ๋ม รัญญา

เรียกได้ว่าเป็นหญิงที่มากความสามารถจริงๆค่ะ สำหรับเธอคนนี้คือ บุ๋ม รัญญาเป็นชาวจังหวัดแพร่ นามสกุลเดิมคือ ฮูเซ็น มีเชื้อสายมาจากชาวซิกข์ หรือแปลว่า ไทยเชื้อสายอินเดีย นั่นเองวัยสาวเธอนั้นได้เข้าไปเป็นนักเรียนการแสดงทางช่อง 3 และมีผลงานโทรทัศน์ตั้งแต่อายุ 15-16 ปี โดยไก่ วรายุทธ มิลินจินดานำมาเป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องแรกทางช่อง 3 นั่นเอง

คือเรื่อง นางเอก จากบทประพันธ์ของ ทมยันตี ในปี 2529 จากนั้นจึงรับบทนางเอกเพียงไม่กี่เรื่องก่อนแจ้งเกิด กับบทร้ายครั้งแรกกับบท สายน้ำผึ้ง ในละครเรื่อง สามีตีตรา ทางช่อง 3 ซึ่งทำให้เธอมีชื่อเสียงในบทนางร้ายและได้รับบทนี้เป็นส่วนใหญ่ ต่อมาจึงกลับมาเป็นนางเอกอีก 1 คู่กับ ตฤณ เศรษฐโชค

ส่วนทางด้านชีวิตส่วนตัวเธอ กำลังแฮปปี้หลังเปิดตัวมีแฟนเป็นผู้หญิงดีกรีเป็นนักการเมือง รับชีวิตนี้ไม่คบผู้ชาย มาตั้งแต่อายุ 31ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนที่เยอะ ทำอะไรต้องมีวินัยและมีระเบียบ เลยทำให้ผู้ชายอยู่ด้วยไม่ได้ลั่นหากเลิกกับแฟนสาวคนนี้ไป ต่อไปคงใช้ชีวิตอยู่คนเดียวแล้ว

ตอนนี้ความรักเป็นยังไงบ้าง ก็ดีค่ะ ก็ใช้ชีวิตคู่สบายๆ ตอนที่เปิดตัวแรกๆ คนฮือฮามาก? (หัวเราะ) เปิดตัวมีแฟนผู้หญิงแต่จริงๆ มีแฟนผู้หญิงมานานแล้วนะ ไม่ได้เพิ่งมามี (ยิ้ม)แต่คนนี้ฮือฮาเกิน คือเมื่อก่อนมันไม่มีโซเชียลไง ตอนนี้มามีเฟซบุ๊ก มีไอจี เราเห็นเขาลง เราก็ลงมั่ง เลยมากลายเป็นตกใจไปกันใหญ่เลย

ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันมา 2 ปีแล้ว ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน อยู่บ้านเดียวกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน นอนด้วยกัน ตื่นเช้ามาทำกิจกรรมด้วยกัน กินข้าว ไปทำงานไปเที่ยวต่างจังหวัด เราไปด้วยกันตลอดค่ะ ไปอยู่อเมริกา 6 อาทิตย์ ก็ไปอยู่ด้วยกันค่ะ อย่างพี่ไม่รู้ว่า อย่างพี่เอื้องคู่ชีวิตพี่ คุณชมพูนุท นาครทรรพ เขาก็เป็นผู้หญิงที่เป็นนักการเมือง

แล้วเขาก็ยอมเปิดตัวที่โอเค ยอมเปิดตัวใช้ชีวิตคู่กับเรา เขาค่อนข้างตกใจเหมือนกันที่เปิดตัว เราก็มีความรู้สึกว่า วันหนึ่งเราต้องยอมรับความจริงก็อยู่กับความจริงไป ไม่ว่าพี่เอื้องจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย กะเทย ทอม พี่ก็ว่าพี่รักคนนี้ อยากรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกไหม? เมื่อก่อนถ้าเป็นสัก 20 ปีที่แล้วอยากนะ

แต่ตอนนี้แก่แล้วไง 50 แล้วเราจะไหวมั้ย ตอนนี้ก็คืออยู่กัน 2 คนตายาย แล้วก็ไปเที่ยว กินข้าวพักผ่อนไปต่างจังหวัด แล้วต่างคนต่างทำงาน ถ้าเขามีงานเราว่างเราก็ตามเขาไป ถ้าเรามีงาน เขาว่างเขาก็ตามเรามากองถ่าย ก็ใช้ชีวิตเป็นปกติมาก พี่เลือกมีความสุขมากกว่า ที่จะมีความเหมาะสมในสายตาของสังคม อันนี้สิใช่ที่สังคมตัดสินเรา แล้วข้างในเราล่ะ พี่ก็เลยรู้สึกว่าเราเลือกที่จะมีความสุขดีกว่า