นางร้ายช่องดัง เปิดใจ ว่าที่เจ้าบ่าวมีเมียแล้ว เลิกทันที คุณแม่ ร่ำไห้ รู้สึกผิด หลงเชื่อไปด้วย

หลังจาก นางร้ายช่องดัง คะน้า ริญญารัตน์ โพสต์ประกาศโสดฟ้าแลบ ทั้งที่เพิ่งถูกขอแต่งงานเพียง 3 วัน เพราะพบว่า ว่าที่เจ้าบ่าว มีโลกสองใบ ล่าสุดเปิดใจครั้งแรกในรายการเที่ยงบันเทิงสด ช่อง 7 เล่าว่า “ช่วงที่ คะน้า เลิกกับแฟนเก่า เลยไปลองเล่นแอพฯ หาคู่

 

และฝ่ายชายได้แมตช์เข้ามา กระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้วฝ่ายชายทักมาก่อน และได้คุยกันจริงจังช่วงเดือน ก.พ. 68 ซึ่งเริ่มพูดคุยได้ไม่นาน เขาดีกับเรามาก ในฉากที่แสดงให้เห็น เขาดูแล เทคแคร์เรามาก ๆ ไม่ใช่รักเรา รักครอบครัวของเรามาก เพราะรู้ว่า คะน้า รักแม่มาก

เขามาถูกจุด เทียวรับเทียวส่ง เรากับแม่เราด้วย พูดจาดี พูดจาหวาน เขามาถูกเวลา เนื่องจากเราเฮิร์ตจากแฟนเก่า เลยมองหาคนที่รักเรา เขามาที่บ้าน มีเวลาเยอะ เจอกันทุกวัน เลยไม่มีอะไรสงสัยเลย ไอจีเขาก็ลงรูปเราเต็มเลย ทำให้เราคิดว่าเขาคงไม่มีใครจริง ๆ เพราะเขาก็เปิดตัวเราในชีวิตเขา”

 

เรื่องการขอแต่งงาน คะน้า ยอมรับว่า “ด้วยความที่เราอยากสร้างครอบครัว ตอนที่เขามาพูดคุยขอ ก็ตกใจ แปลกใจ แต่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันที่ผ่านมา เขาดูแลดี ใส่ใจดี ก็ดีจริง ๆ เลยเซย์เยสก็ได้ แต่ใจหนึ่งก็คิดเหมือนกันว่าไม่อยากแต่ง แต่เขาก็คะยั้นคะยอลงรูปเลย

ตอนเราได้แหวนมา ไม่มั่นใจจะประกาศ เพราะรู้สึกว่าเร็วไป แต่เขาคะยั้นคะยอเลยลงก็ได้ ตอนที่เขามาขอ ก็ยื่นแหวนให้ ง่าย ๆ และเล่าแพลนว่า อยากจะไปแต่งงานที่โน่นนี่ โรงแรมนี้ เขาเคยเจอเพื่อน คะน้า แล้ว เพื่อนก็ยังบอกว่า คนนี้ดูรักเรามากเลย เพื่อนก็ไม่เอะใจ

 

แต่เอ๊ะตรงที่เร็วจังเลย พอลงรูป ก็มีผู้หวังดี DM มาบอก ลองเช็กเบอร์นี้สิ ก่อนหน้านี้เคยมีผู้หญิงทัก แต่เขาบอกคนเก่ามาระราน เลิกกันไปนานแล้ว ก็เลยไม่ได้เก็บมาคิดอะไร แต่อันนี้ ลองเช็กโทรไป ผู้หญิงรับสาย รอบแรกถามเราเป็นใครไม่ได้วีน พอผ่านไป 3 ชั่วโมง

เขาโทรกลับ แล้วบอกว่า ฉันเป็นเมียเขานะ 3-4 ปีแล้ว เราก็ได้ยินเสียงผู้ชาย จำได้ว่าเป็นเสียงเขา กำลังทะเลาะกัน เหมือนอยู่ด้วยกัน เลยมั่นใจว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องจริงแล้ว ก็รู้สึกวูบเลย เราก็รู้สึกว่าเราเช็กดีแล้วนะ เขาอยู่กับเราทุกวัน มาหาเราทุกวัน เอาเวลาไหนไปมีภรรยา

 

แต่พอรู้ เราก็ตัดเลย โพสต์วันนั้นเลย วันที่โพสต์ว่าโสด เรารับไม่ได้อยู่แล้วที่จะไปเป็นบ้านที่ 2 ของใคร ชีวิตเรามีสิทธิ์เลือก เรามีหลายอย่างในชีวิตที่ว่าเราไม่สมควรมาเจออะไรแบบนี้ เขาก็พยายามโทรติดต่อ แต่เราไม่คุยแล้ว ไม่เอาแล้ว ก็ไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลย ส่วนคุณแม่

ก็รู้สึกผิดเหมือนกัน เพราะก็เชื่อเขาเหมือนกัน ไม่ได้เตือนลูก เขาคงรู้สึกผิดว่าฉันน่าจะรู้มากกว่าลูก ทำไมถึงไม่รู้” (พิธีกร : ได้คุยกับคุณแม่ร้องไห้เลย พูดประโยคนี้เลย คุณแม่เสียใจว่าคุณแม่น่าจะเป็นคนที่เตือนลูก คุณแม่น่าจะสงสัย เพราะผ่านประสบการณ์มามากกว่าลูก

 

แต่ฉันไม่เอ๊ะสงสัย รักเขาเหมือนลูกชาย) คะน้า ยอมรับว่า “เขาดีมาก ไม่มีตรงไหนเอ๊ะเลย พาไปเจอเพื่อน ไปเจอสังคมเขา ดูเปิดเผย เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตเลย การจะมองคน ต้องใช้เวลา บางทีเราคิดว่ามองดีแล้ว แต่ระยะเวลาสั้น ๆ มันยังไม่ได้โชว์อะไรออกมา

หลาย ๆ อย่าง หลังจากนี้ถ้าจะคบใคร หรือจะตัดสินใจอะไร ก็จะต้องใช้เวลาเพื่อพิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่าง ตอนนี้สภาพจิตใจโอเคขึ้นมากแล้ว”