สยาม สังวริบุตร เผยคำพูด อ๋อม อรรคพันธ์ โทรตาม ก่อนสิ้นใจ

งานสวดอภิธรรม บำเพ็ญกุศล อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์ ที่เสียชีวิตอย่างสงบ ด้วยวัย 39 ปี เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ท่ามกลางความโศกเศร้าของคนในครอบครัว รวมไปถึงคนในวงการบันเทิงและเพื่อนสนิท ที่เดินทางมาร่วมงานเป็นอย่างมาก




สำหรับงานสวดอภิธรรมของคืนที่ 4 เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา มี ดาราวิดีโอ และ ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น ร่วมเป็นเจ้าภาพ โดย สยาม-สยม สังวริบุตร เดินทางมาร่วมพิธี หลังจากนั้นได้ออกมาเปิดใจให้กับสื่อมวลชน ถึงการสูญเสีย อ๋อม อรรคพันธ์ ว่า




“สำหรับ อ๋อม นะครับ การที่น้องจากไปวันนี้เขาไม่ได้เหมือนผู้ร่วมงาน ไม่เหมือนพระเอกทั่ว ๆ ไป คือไม่ได้มาทำงานเสร็จแล้วก็ไป เจอกันอยู่เรื่อย และน้องก็ทำตัวเป็นน้องเป็นนุ่ง และการที่เขาจากไปวันนี้ก็ไม่ได้เหมือนพระเอกที่หายไป มันเหมือนน้องรักคนหนึ่งที่อยู่ดี ๆ ก็หายไป




มันก็รู้สึกโหวง ๆ ครับ ก็สังเกตได้จากทุกคนที่พูดถึงเขา ว่ามีคนรักเขาเยอะ เพราะตัวตนจริง ๆ เขาเป็นอย่างนั้น เขาให้ใจคน เหมือนน้องหายไป ความพิเศษของเขาก็คือรูปหล่อ มีเสน่ห์ แต่ตัวตนจริง ๆ เขาน่ารักมากนะครับ เขาทำให้ทุกคนรักได้ อันนี้ไม่ได้ตั้งใจทำนะ แต่บุคลิกเขาเป็นอย่างนั้น




เขาไปเจอใคร ทุกคนก็พูดถึงเขา รักเขากันทุกคน วันนี้สังเกตได้เลยคนที่มาทุกคนก็ความรู้สึกเดียวกัน ไม่ได้เหมือนผู้ร่วมงานจากไป แต่เหมือนน้องของเราจากไป เพราะฉะนั้นความรู้สึกต่อเขาก็เลย โหวง ๆ นิดนึง อ๋อม มาเล่นละครเรื่องแรกจำไม่ได้ว่ากับช่อง 7 หรือเปล่า คือเรื่อง สาวใช้ไฮเทค เรตติ้งก็ใช้ได้




ต่อมาก็มีเรื่องอุบัติเหตุ มีทวิภพ แล้วก็มาฟิตติ้งรอยรักรอยบาป พอฟิตติ้งเสร็จเขาก็บอกว่า “ป๋า ผมขอตัวนะ ผมว่าผมไม่ไหว” เราก็อ้าว เป็นอะไร เขาก็ถึงได้เล่าให้ฟัง เขาก็ไม่เคยมาอ่อนแอให้เราเห็นนะ ตลอดเวลาที่ป่วย ก่อนจะเสีย 2 วันเขายังบอกว่า “ป๋า มาเจอผมหน่อยนะ เดี๋ยวจะไม่ไหวแล้ว” เราก็บอก เฮ้ย




ขออีกวัน ขอวันอาทิตย์นะ ก็บอกเขาไปวันเสาร์ พอวันอาทิตย์เขาก็ไม่ตอบ เมื่อกี้เห็นหน้าเขาก็ยังบอกเขาเลยว่า น่าจะมาบอกก่อน จะได้มาทัน คือไม่เคยขาดหายไปไหนกับน้องคนนี้ เจอกันตลอด โทรคุยกัน กินข้าวด้วยกันตลอดเป็น 10 ปีแล้ว รู้จักกันมานานมาก”




ในวันที่เขามาบอกว่าขอถอนตัวละคร เขาบอกยังไงบ้าง?

“เขาบอกว่าอาจจะเล่นได้ แต่ต่อไปถ้าเกิดผมเข้าโรงพยาบาลแล้วป๋าจะทำยังไง ก็บอกว่าไม่ทำไง ก็มาเล่นสิ เราก็ไม่ได้คิดว่าจะซีเรียส แต่พอบอกว่าโรคอะไร เราก็ต้องคิดถึงส่วนรวมเหมือนกัน เพราะตอนนั้นละครกำลังจะเปิด แล้วต้องถ่ายทำ พอฟังอาการแล้วก็อาจจะต้องปล่อยก่อน




จริง ๆ ก็ห่วงส่วนรวมด้วย เพราะนักแสดงหลายคนเล่น เขาไม่ได้ให้เราต้องตัดสินใจเลย เขามาถอนตัวเอง เขาคิดว่าถ้าให้เราตัดสินใจ เราคงลำบากใจ เขาก็บอกว่า “ป๋า ผมถอนตัวแล้วกัน” เขาไม่ให้เราเดือดร้อน เป็นคนที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน พอเขามาบอกโรค แล้วถ้าผมไม่ถอน ผมก็หนักใจเหมือนกัน




แต่เราก็ต้องคิดถึงส่วนรวมนะ คิดถึงสถานี เขาก็มาถอนตัวเองเลย เขาก็บอกว่าผมเล่นมาหลายทีแล้ว ป๋าไม่เคยได้กำกับเขาเลย เรื่องนี้ผมขอให้ป๋ากำกับนะ ก็กะว่าเจอเขาและได้ทำงานกับเขาสักที เพราะที่ผ่านมาเจอกัน เที่ยวกัน แต่ไม่เคยทำงานด้วยกัน เขามาเล่นของค่ายดาราวิดีโอ แต่เป็นผู้กำกับคนอื่นกำกับตลอด




เขาก็อยากให้ผมกำกับ เพราะคลาดกันหลายทีแล้ว เขาก็บอกว่า ก็ไม่รู้เขารักผมหรือเปล่า แต่เขาก็บอกว่า ต้องมาทำให้ผมสักเรื่องนะ ก็ยังว่าไปเลยว่า อะไรวะ มาให้กำกับแล้วมาป่วยอย่างนี้ได้ยังไง ก็แซวกัน เรื่องสุดท้ายที่เขามาทำให้ค่ายก็เรื่องทวิภพ ก็หลายปีแล้วนะ แต่เรื่องแรกเขามาเล่นกับเรา”