เปิดประวัติ นิต้า มานิตา นางสาวไทยลูกครึ่งคนแรก

เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าตำแหน่งอันดับที่1 “นางสาวไทย คนที่ 53” ของประเทศ ตกเป็นของ “นิต้า – มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์” สำหรับ นิต้า – มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์ สาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เกิดและโตที่ภูเก็ต อายุ 25 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะคอมมูนิเคชัน อาร์ต เกียรนิยมอันดับ 1
ปัจจุบันเป็นเซลล์เมเนเจอร์ และเป็นครูอาสา ในตำแหน่งวิทยากรพิเศษส่งเสริมการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสาร ณ โรงเรียนวัดบางไผ่นารถ อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่ขาดเเคลน มานิตา นับว่าเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์ ที่มีสตอรี่น่าสนใจ ย้อนกลับไปในปี 2018 เธอเข้าร่วมการประกวดมิสเวิลด์ไทยแลนด์ นิต้าฟิตหุ่นลดน้ำหนักไปถึง 40 กิโลกรัมเพื่อเข้าร่วมการประกวด และแม้ว่าเธอจะไม่ได้มงกุฎมาครอง แต่เธอก็ยังมุ่งมั่นออกกำลังกาย และดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนเรียกได้ว่านับวันก็ยิ่งสวยขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งผู้เข้าประกวดที่มีดีกรี รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ภูเก็ต 2017 และ ท็อป 12 มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 กระทั่งกลับมาประกวดนางสาวไทยปีนี้ เธอมีทีมพี่เลี้ยงที่แข็งแกร่งอย่างทีมภูเก็ตคอยซัพพอร์ต ประกอบกับมีประสบการณ์เป็นครูอาสาทำให้เธอมีแพสชั่นตรงกับบริบทของเวที
นิต้า กล่าวว่า แม้เธอจะเติบโตที่ภูเก็ตแต่ด้วยแม่เป็นคนเชียงราย เธอจึงได้เรียนรู้ทั้ง 2 วัฒนธรรมและชอบเรื่องการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ในด้านการศึกษาจากการที่เป็นครูอาสา ทำให้เธอยอมรับนับถือบุคลากรครูตัวจริงมากๆ เพราะต้องเตรียมเอกสารเยอะแยะมากมาย ซึ่งหากการศึกษาสามารถเข้าถึงทุกที่ในประเทศไทยรวมไปถึงพื้นที่ ขาดแคลน มานิตา กล่าวว่า เธอจะต้องดีใจกับเด็กๆมากๆ แน่ แต่ไม่ใช่เพราะสงสาร ด้วยเด็กๆ เองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองน่าสงสาร แต่เป็นการที่มองว่าถ้าเด็กได้สื่อการเรียนการสอนที่ดี เข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตได้ พวกเขาจะมีโอกาสพัฒนาตัวเองไปไกลมากกว่า ไม่ใช่อยู่เพียงแค่ในบริเวณโรงเรียนตรงนั้น และมีความคิดก้าวไกลมากขึ้นในการนำกลับมาพัฒนาบ้านเกิด
ก่อนที่จะมาเป็นนางงาม มานิต้า ก็เป็นอีกคนที่ต้องดูแลตัวเองอย่างหนัก และเธอเคยมีน้ำหนักมากถึง 90 กิโลมาแล้ว เมื่อสมัยเป็นวัยรุ่น แต่มานิต้าตัดสินใจฟิตหุ่นอย่างจริงจัง เมื่อเธอมีเป้าหมายในการประกวดนางงามในปี 2018 มานิต้า ลดน้ำหนักอย่างจริงจัง เธอเล่าว่าด้วยความที่ตัวเองเป็นลูกครึ่ง โครงใหญ่ก็ทำให้ดูเป็นคนตัวใหญ่ร่างใหญ่อยู่แล้ว บวกกับตอนเด็กๆยังดูแลตัวเองไม่ค่อยเป็น ช่วงที่คิดจะลดน้ำหนักแรกๆ เธอใช้วิธีอดอาหาร ร่วมกับการออกกำลังกาย แต่มันไม่ได้ผล คิดว่าผอมแล้ว แต่พอเจอผู้ใหญ่ เขาก็สั่งให้ลดเพิ่มอีก สุดท้ายเธอก็เรียนรู้ว่าและยอมรับว่า โครงสร้างของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เราไม่สามารถเป็นในสิ่งที่คนอื่นต้องการได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ ทัศนคติ และการใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข