เปิดภาพล่าสุด กำแพงสูงมิดหลังคา

จากกรณี เจ้าของที่ดินถมที่ดินและสร้างรั้วสูงมิดหลังคาชาวบ้าน ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบได้ออกมารวมตัวเรียกร้องขอความเป็นธรรม กระทั่งทางจังหวัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแก้ไขปัญหาก่อนจะมีคำสั่งรื้อถอนแนวรั้ว และขุดดินที่ถมสูงอยู่ริมกำแพงออกภายใน 15 วัน
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พ.ย. 2564 เจ้าของที่ดินได้นำรถแบ็กโฮ 2 คัน เข้าพื้นที่มาขุดดินออก พร้อมนำช่างและรถแบ็กโฮเข้าทำการรื้อถอนแนวรั้วด้านบนโดยเริ่มจากกำแพงที่ติดกับบ้านหลังแรก ทยอยรื้อได้ประมาณ 30 เมตร และมีการปรับขุดดินที่อยู่ใกล้กำแพงกันดินออกจากจุดใกล้กำแพงออกจากแนวกำแพง ตามคำสั่งของทางจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว
นางวันทนา สังข์สุข อายุ 35 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ในวันนี้เจ้าของที่ดินยินยอมรื้อแนวรั้วด้านบนกำแพงกันดินออกซึ่งจะทำให้บ้านของตนได้รับแสงสว่างจากภายนอก ได้รับลมที่พัดเข้ามา ส่วนบ้านของตนที่ได้รับความเสียหายนั้นก็อยากจะฝากให้เจ้าของที่ดินได้ลงมาดูความเสียหาย และมาเจรจาถึงค่าซ่อมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านของตนเองด้วย
ซึ่งก็อยากจะวิงวอนให้เจ้าของที่เห็นใจชาวบ้านด้วย
ด้าน นางมธุรส คุ้มประสิทธิ์ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า หลังจากจังหวัดมีคำสั่งให้เจ้าของที่ดินดำเนินการรื้อแนวรั้วรวมถึงขุดดินที่อยู่ติดกับแนวกำแพงกันดินออก ชาวบ้านต่างเฝ้าคอยให้เจ้าของที่ดินเข้ามาดำเนินการแก้ไขตามคำสั่งของจังหวัดมาโดยตลอด ทุกๆ วันชาวบ้านจะมารวมตัวกันรอดูการรื้อถอนแนวรั้ว ซึ่งเมื่อวันนี้การดำเนินการรื้อถอนแนวรั้วและขุดดินได้เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง ชาวบ้านก็รู้สึกดีใจและโล่งใจเป็นอย่างมากที่ปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขเสียที ส่วนเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านหลายหลังในหมู่บ้านนั้น ทางจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจความเสียหาย พบว่าบ้านแต่ละหลังได้รับความเสียหายแตกต่างกัน
แต่เป็นผลมาจากการก่อสร้างกำแพงกันดินและถมดินในพื้นที่
ซึ่งมีการนำเครื่องจักรและรถขนาดใหญ่เข้ามาในพื้นที่จำนวนมากจนทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน สร้างความเสียหายให้กับบ้านแต่ละหลัง จึงอยากให้เจ้าของที่ดินมารับผิดชอบ เรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านแต่ละหลังที่ได้รับผลกระทบจากการถมดินและสร้างแนวรั้วของเจ้าของที่ดินด้วย
ส่วน นายวรากร เสือส่าน นายกเทศมนตรีตำบลลาดหญ้า กล่าวว่า ทางเทศบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปร่วมสังเกตการณ์รื้อถอนและขุดดินภายในที่ดินแปลงดังกล่าวด้วย เพื่อดูให้การรื้อถอนและขุดดินเป็นไปอย่างถูกต้องตามข้อกำหนด ทั้งนี้ทางเจ้าของที่ดินจะพยายามเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วันตามที่ทางจังหวัดออกคำสั่งมา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยช่วงนี้มีฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่อง อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการให้เครื่องจักรหนักเข้ามาทำงานในพื้นที่ได้