ลูกสาวผวา แม่แอบติดกล้องวงจรปิดซ่อนในห้องนอน

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ได้ทวีตเล่าเรื่องที่เธอผวา ภายหลังจากเจอกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่ในห้องนอนของเธอ โดยเล่าว่า เมื่อประมาณช่วงเย็นเรานอนปิดไฟเล่นโทรศัพท์อยู่ที่เตียง เห็นไฟแวบ ๆ กับสายเล็ก ๆ โผล่ออกมาจากชั้นวางของ พอเดินไปใกล้ ๆ ก็เห็นว่าเป็นกล้องวงจรปิด ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นเพราะแจกันพลูด่างในรูปบังอยู่ ตนตกใจมากแล้วที่บ้านฝนตกหนักไฟดับไปประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนนั้นแบบมือสั่นไปหมดเพราะช่วงนี้มีแม่เราคนเดียวที่เข้าห้องเราก็สงสัยว่าเราทำไรผิดเค้าถึงจับตาเรา เราตื่นสายเหรอ เราเกรดไม่ดีหรือเปล่า เราแอบอู้มานอนเรียนตอนออนไลน์เหรอ ฯลฯ

พอไฟมาเราได้ยินเสียงติ้ด ๆ ซึ่งมีคนหลังไมค์มาว่าเป็นเสียงกล้อง เรารีบส่งข้อความไปหาแม่แล้วถามว่าเอากล้องมาติดเมื่อไหร่ ติดทำไม เราก็คุยกับแม่ด้วยอารมณ์เย็นสุด ๆ ขอเหตุผล แม่ตอบว่า “แม่ขอโทษที่ทำแบบนี้ แม่เป็นห่วงกลัวนอนลืมเรียน นอนตี 4 นอนไม่หลับ” ซึ่งมันไม่ค่อยจะเมคเซ้นส์เลย ปล.ตอนนั้นเราเจอกล้องแค่อันเดียว

มีประโยคนึงซึ่งติดอยู่ในหัวเราถึงตอนนี้คือ “บ้านอื่นเค้าติดกล้องดูลูกกันแบบนี้ทั้งนั้น ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลย” เราตกใจมาก ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากคนเป็นแม่ แม่เราค่อนข้าง perfectionist บวกกับ anxiety ขั้นรุนแรง เค้าเคยขู่ติดกล้องมาหลายครั้งแล้ว เราก็เบลอไปพักใหญ่เลยเพราะเค้าแสดงออกถึงความเป็นห่วงและกังวลอย่างรุนแรง

เราไปตรงที่ติดกล้องอันแรกอีกครั้งเห็นสายอ้อมโต๊ะวางของมาตัวสายคือวางไว้เนียนมาก เราค่อย ๆ อ้อมสายจนเจอกับกล้องตัวที่ 2 มันถูกติดด้วยกาวสองหน้าไว้สักพักละ เพราะตอนเราดึงออกคือค่อนข้างเหนียวเลย แล้วแนบไปกับสีโต๊ะด้วยนะ ถ้าไม่สังเกตคือไม่เห็น กล้องหันไปทางโต๊ะอ่านหนังสือพอดีเป๊ะ เรากับแม่ไม่ค่อยถูกกัน ทัศนคติค่อนข้างต่างกัน เค้าจะมีกรอบเป๊ะ ๆ ที่เราต้องปฏิบัติตาม เราก็ไม่ค่อยโอเคแหละค่ะแต่ก็ต้องทำ เหมือนส่วนลึก ๆ ของเค้า มองเราเป็นผลงาน ต้องดีต้องเก่งนู่นนี่ ถึงกระทั่งหลุดปากพูดออกมาว่า”เห็นหน้าแม่บ้างสิ คนอื่นจะคิดยังไง”

เรามานึก ๆ ดูถึงมุมกล้องทั้ง 2 ตัว อันนี้ชี้ไปที่เตียง อีกอันไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ แม่กลัวเราไม่อ่านหนังสือ ไม่นานมานี้เค้ายื่นคำขาดต้องสอบติดหมอคณะ top3 ของประเทศ ไม่ต้องเรียนก็ได้ แล้วเค้าจะปล่อยเราไป มาคิดดูคือพ่อแม่รังแกฉันคือไม่เกินจริงนะ อยากให้ตระหนักถึง privacy กันจริง ๆ บวกกับ normalized การไปพบจิตแพทย์เถอะค่ะแม่เราไปพบไปคุยจนช่วงนึงเคยดีขึ้นแล้ว ไว้แค่นี้ก่อนค่ะ เหนื่อยมาก ๆ เลย