บ้านต่างจังหวัด สรพงษ์ ชาตรี

จากกรณีที่เคยมีการแชร์ภาพหญิงรายหนึ่งสวมเสื้อที่มีข้อความ ระบุว่า ถูก สรพงษ์ ชาตรี ไ ล่ ออกจากวัด ซึ่งหลายคนมองว่าไม่มีใครสมควรถูก ไ ล่ ออกจากวัด ขณะที่บางคอมเม้นต์ ระบุว่า เรื่องนี้ให้รอฟังความจริงจากปากของ สรพงษ์ ดีกว่า อย่าตัดสินแค่ภาพภาพเดียวและข้อความสั้น ๆ เรื่องจริงอาจไม่ใช่อย่างนั้น
นายสมนึก เผยว่า ตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้น ตนกับ สรพงษ์ ชาตรี รู้จักกันมานาน เขาไม่เคยมีการ ไ ล่ คนออกจากวัด เชื่อว่าคนโพสต์มีเจตนาไม่ดี อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังมีคนแห่มาทำบุญเหมือนเดิม ส่วนกฎระเบียบก็ระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามแต่งกายไม่สุภาพ เช่น การใส่เสื้อ ก ล้ า ม หรือ สายเดี่ ย ว เข้าวัดเท่านั้น
สรพงษ์ ชาตรี เขาคือพระเอกอันดับต้น ๆ ของประเทศ ที่มีความสามารถทางการแสดงสูง แต่กลับถ่อมตัวว่าตนไม่ใช่นักแสดงที่เก่งกาจสามารถนัก ถึงแม้เขาจะมีชื่อเสียงยืนยงและยาวนานอยู่ในวงการบันเทิงมาจนถึงปัจจุบัน แต่เส้นทางชีวิตของ สรพงษ์ ชาตรีไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย
สรพงษ์ ชาตรี เล่าประวัติว่า “ผมก็เป็นเด็กบ้านนอกบ้านนา เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เรียนหนังสือจบแค่ประถมศึกษาปีที่ 4 ไม่มีรองเท้าใส่ ต้องเดินเท้าเปล่า ตอนไปเรียนก็พายเรือไป พอถึงช่วงหน้าน้ำลดต้องถกขากางเกงเดินลุยโคลนไปเรียนหนังสือ”
ชีวิตวัยเด็กก็ลำบ า ก ไม่มี ไ ฟ ฟ้ า ใช้ ตกกลางคืนต้องอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงกระป๋อง หลังจากเรียนจบประถมศึกษาปีที่ 4 ก็พบว่าการเรียนต่อระดับมัธยมศึกษานั้นไม่มีความสุขเลย เรียนไปได้ 7 วันก็ขอที่บ้านลาออก ที่บ้านก็ว่าถ้าไม่เรียนหนังสือก็ต้องทำอะไรสักอย่างจึงแนะนำให้สรพงษ์บวชเป็นสามเณรที่วัดเทพสุวรรณ 2 ปี
งานแรกที่ทำคือเป็นเด็กยกของในกองถ่ายละครเรื่อง “นางไพรตานี” (ฉายทางช่อง 7) แล้วเลื่อนมาเป็นนักแสดงตัวประกอบในละครและหนังอีกหลายเรื่อง จนกระทั่ง คุณสุรพงศ์ โปร่งมณี ซึ่งเป็นคอสตูมให้กับละโว้สตูดิโอได้ฝาก สรพงษ์ ไว้
ช่วยงาน หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ซึ่งท่านทรงกลับมาจากการศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา วันแรกที่ได้พบ ท่านมุ้ย ท่านให้แสดงฉากช่วยคนในน้ำ ซึ่ง สรพงษ์ แสดงออกมาได้ดี หลังจากนั้นไม่นาน ท่านมุ้ย ก็ให้ไปเรียนดำน้ำอยู่กับท่านนานถึง 7 วัน และแล้วท่านก็ได้เมตตาให้ย้ายมาอาศัยอยู่ใกล้ท่านที่วังละโว้
สรพงษ์ ชาตรี ก้าวเข้าสู่เส้นทางบันเทิงในปี 2512 ได้ชิมลางเป็นนักแสดงตัวประกอบจนกระทั่งได้เล่นเป็นพระเอกในปี 2514 ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียง 2-3 ปีเท่านั้น แล้วยังแสดงเป็นพระเอกถึง 500 เรื่องด้วยกัน ถึงจะแสดงภาพยนตร์และละครในบทบาทของพระเอกมาร่วมร้อยเรื่องแล้วก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของเขา
นอกจากความเป็นหนุ่มหน้าไทยคมคาย คือความเป็นคนถ่อมตัว เขามักกล่าวว่าตนเองเป็นนักแสดงที่เล่นไม่เก่งอยู่เสมอ “ผมเป็นคนเล่นไม่เก่ง ผมมีความรู้สึกว่าสิ่งที่ผมแสดงออกไป มันก็เป็นมาตั้งแต่ตัวผม
ปกติคนเราเดินไหม กินไหม นั่งไหม นอนไหม คิดไหม การแสดงก็มาจากสิ่งที่เราทำในชีวิตจริง เมื่อเราทำแบบนี้อยู่แล้ว ก็แสดงได้”