ศรีสุวรรณ ไม่ขำด้วย

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ทำคำร้องส่งไปยัง มหาเถรสมาคม ผ่าน นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขอให้มีบัญชาสอ บสว นเอ าผิ ดภิกษุอลัชชี (ผู้ไม่ล ะอา ย) ที่ชอบเล่นโซเชียลมีเดียโดยไลฟ์ส ดเอ าธรรมะมาสอนเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่พอมีคนสนใจเข้ามาดูมากๆ รวมทั้งมีเพจที่มาคอมเม้นท์ขายสินค้า มาโปรโมทแบรนด์ตัวเอง กลับมาทวงถามให้จ่ายค่ามาใช้พื้นที่เพจของตนในขณะไลฟ์ส ดนั้น

พฤติกรรมดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า พส. ดังกล่าว มิใช่วัตรปฏิบัติของภิกษุ ที่เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มุ่งแสวงหาปรมัติอันเป็นทางหลุดพ้นจากกิ เล สสงสาร เพื่อถึงการดั บทุกข์ โดยมีพระวินัยบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้ภิกษุทุกๆ รูปที่บวชมาในพระศาสนาต้องปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยบัญญัติทุกรูป

ถ้าทำไม่ได้ก็จะเป็นเพียงคนโกนหัวแล้วเอาผ้ามาห่มตนให้ดูเหลืองคล้ายดั่งพระภิกษุ ที่ไม่สั งวร ณ์ว่าตนต้องบิณฑบาตเลี้ยงชีพเป็นอาจิณ หาใช่มาแสวงหาเงินทองความร่ำรวยจากการบวชเป็นพระ ที่บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อเหมือนประชาชนทั่วไปเท่านั้น

ข้ออ้างของการไลฟ์ส ดเพื่อต้องการเผยแพ ร่ธรรมะให้เท่าทันยุคสมัย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นคนรุ่นใหม่จะได้เข้าถึงธรรมะได้นั้น เห็นว่าเป็นเพียงข้ออ้างที่ไร้น้ำหนักของเหล่า พส. พวกนี้เท่านั้น เพราะคนจะซาบซึ้งในธรรมะต้องมาจากระบบการสั่งสอนอบรมมาตั้งแต่ครอบครัว วัด โรงเรียน ร่วมกัน มิใช่มาจากภิกษุที่ทำตนเป็นคณะตลกที่เปลี่ยนหน้าจาก หม่ำ เท่ง โหน่ง มาเป็น 2 พส. กลุ่มนี้แต่อย่างใด

และเชื่อว่าไม่มีใครซาบซึ้งจากข้อธรรมะ ที่นำมาพูดให้ขบขันได้ แต่กลับเป็นการทำให้ศาสนา มั ว ห ม อ ง ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์จากเหล่า พส. ดังกล่าว โดยสังเกตดูได้จากการโพสต์ทวงเพจต่างๆ ที่มาโปรโมทแบรนด์ของตนในขณะที่ พส. ไลฟ์โดยให้เบอร์พร้อมเพย์ อย่างไม่ ละ อ า ยต่อพระธรรมวินัย

ทั้งนี้ ตามพระวินัยปิฎก ได้ระบุเอาไว้ในพระมหาวิภังค์ ว่า “อนึ่ง ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่ง ทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์” อันถือเป็นอ าบั ติ เป็นโลกวัชชะ หรือ การกระทำที่ทำให้ขาวโลกติเตียนได้ และการเผยแพ ร่ธรรมะด้วยวิธีตลกขบขัน ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎกแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้เหล่า พส. พวกนี้ก็เคยมี ปั ญ ห า จากข้อขัดแย้งเกี่ยวกับค่าตัวที่ไปเป็นวิทยากรในเวทีต่างๆ มาแล้ว หรือบางรูปก็ไปช่วยไลฟ์โฆษณาสินค้าต่างๆ ด้วย ซึ่งก็เข้าข่ายต้องอ าบั ตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ ด้วยเช่นกัน ซึ่งตามหลักพระธรรมวินัยนั้นหากต้องอ าบั ติลักษณะนี้บ่อยครั้งต้องหลุดจากความเป็นพระ ดั่งโ ท ษ ป า ร า ชิ ก เลยทีเดียว

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไม่อาจปล่อยให้ภิกษุอลัชชีเหล่านี้กระทำการย่ำยีพุทธศาสนาได้อีกต่อไป จึงส่งคำร้องไปยังมหาเถรสมาคมผ่านสำนักพุทธฯ เพื่อให้มีบัญชาวางกฎเหล็กห้ามภิกษุใดๆ กระทำเยี่ยงนี้อีก และให้สอ บสว นเอ าผิ ด พส. ที่ต้องอาบัติซ้ำดังกล่าวเพื่อล งโท ษขั้ นเด็ ดขา ดต่อไป