สามีทิ้งหนี้ให้ 10 ล้านไปหาหญิงใหม่ แม่เลี้ยงเดี่ยว ฮึดสู้ ขายเค้กเพื่อลูก ได้กำไรเป็นร้อยล้าน

ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เหมือนดังที่ “คุณผึ้ง” ประภาภรณ์ ไชยมาตร ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ที่ในปัจจุบันเธอเป็นเจ้าของธุรกิจมูลค่าร้อยล้าน “หอมมนต์เบเกอรี่” อาณาจักรเค้กที่ใครก็รู้จัก ซึ่งใครจะไปเชื่อว่า เธอเริ่มต้นธุรกิจนี้ด้วยเงินเพียง 2,000 บาทเท่านั้น

“คุณผึ้ง” ประภาภรณ์ ไชยมาตร อายุ 31 ปี เจ้าของ “หอมมนต์เบเกอรี่” ที่ปัจจุบันมีแฟรนไชส์ทั่วประเทศ สาวเก่งคนนี้เริ่มต้นจากการขายเบเกอรี่ตามตลาดนัด ในราคาเพียงชิ้นละ 25 บาท แต่ปัจจุบันเธอมีหน้าเค้กให้เลือกถึง 50 แบบ และขนมอื่นๆ ที่ผลิตถึง 5 หมื่นชิ้นต่อวัน ทั้งหมดนี้เธอสร้างขึ้นในเวลาเพียง 4 ปี

คุณผึ้ง ได้เล่าจุดเริ่มต้นว่า เธอเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้มีเงิน และเห็นมาตลอดว่าเค้กชิ้นหนึ่งราคาเป็นร้อย ซื้อข้าวได้ 1 จาน จึงอยากทำเค้กที่มีคุณภาพ แต่ราคาที่คนเอื้อมถึง คนเงินน้อยก็ยังได้กินของอร่อย กระทั่งสามารถทำเค้กที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าเกรดพรีเมี่ยม เนยสดใช้แบบไขมันทรานส์ 0% ส่วนไข่ไก่คัดสดๆ ส่งตรงจากโรงงานเดือนละ 120,000 ฟอง ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าเค้กของหอมมนต์สดใหม่ ใช้แต่ของดีเท่านั้น

แน่นอนว่าเส้นทางการเป็นเศรษฐีของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ คุณผึ้ง เริ่มจากการทำธุรกิจขายส่งเสื้อผ้ากับสามีตั้งแต่อายุ 20 ปี กระทั่งโดนโกงเป็นหนี้หลักล้าน ไม่เหลืออะไรเลย แถมกำลังท้องลูกคนที่ 2 มองเห็นเพื่อนไปกินบลูเบอร์รี่ชีสพาย จึงมีความคิดอยากทำเบเกอรี่บ้าง

กระทั่งคลอดลูก แม่สามีให้เงินรับขวัญหลานมา 2,000 เธอจึงได้นำเงินจำนวนนี้ไปลงทุนซื้อวัตถุดิบทำเค้ก ทั้ง ครีมชีส แครกเกอร์ และ บลูเบอร์รี่ จากนั้นต้องยืมเงินเพื่อนเพื่อซื้ออุปกรณ์ จนทำเค้กออกมาได้ 5 ก้อน ตัดแบ่งเป็น 50 ชิ้น บังเอิญเพื่อนบ้านมาชิมก็บอกว่าอร่อยมาก ทำขายได้เลย

คำพูดเพื่อนบ้านทำให้เธอมั่นใจและนำไปขาย ได้กำไรมา 470 บาท ไว้ซื้อนมให้ลูกกิน และยังมีเงินอีก 2,000 ไว้ซื้อวัตถุดิบทำเค้กในวันต่อไป กิจการเธอรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ เพราะขายถูกแค่ 3 ชิ้น 100 จนตั้งโรงงานมียอดขาย 300 ล้านบาทต่อปี แต่ในวันที่ชีวิตประสบความสำเร็จ สามีเธอกลับไปมีผู้หญิงอื่น

คุณผึ้ง เล่าว่า เวลานั้นเธอกำลังท้องลูกคนที่ 3 ทำให้เครียดจนเกือบเสียเขาไป จึงได้ขอเลิกกับสามี ซึ่งสามีของเธอได้ยื่นข้อเสนอให้ คือ 1.ให้เงิน 1 ล้านแล้วออกไป เอาธุรกิจไว้กับเขา 2.เอาธุรกิจไป ในตอนนั้นเธอคิดถึงลูก จึงเลือกเอาธุรกิจ แทนเงิน 1 ล้าน แต่กลับกลายเป็นว่า ธุรกิจดังกล่าวกลับมีหนี้ถึง 10 ล้าน

แต่แม้จะเครียดมากสักเพียงใด แต่เธอก็นึกถึงหน้าลูกไว้เตือนสติอยู่เสมอ จนเปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น หอมมนต์ ด้วยการเอาชื่อลูกมาบวกกัน เพราะต้องการใช้แบรนด์นี้สู้เพื่อลูก ลองผิดลองถูกใหม่หมดกับการสร้างโรงงาน จนกระทั่งทุกวันนี้กําลังการผลิตต่อเดือนคือ 1,500,000 ชิ้นต่อเดือน ส่งขายทั่วประเทศ เหนือสุด อีสานสุด หรือใต้สุดอย่าง ปัตตานี รวมไปถึงมีตัวแทนกว่า 60 จังหวัดทั่วประเทศ

ฟังเรื่องราวการสู้ชีวิตของ คุณผึ้ง แล้ว ทำให้เราต้องหันกลับมามองตัวเอง ว่าวันนี้เราพยายามมากพอหรือยัง คนที่มีภาระหนี้สินมากมาย แถมต้องเลี้ยงลูกอย่าง คุณผึ้ง ทำได้ เราก็ต้องทำได้เหมือนกัน ถึงจะไม่ได้มากเท่า แต่ก็ขอแค่ไม่มีหนี้และพออยู่พอกิน ยังไงก็ให้กำลังใจทุกคนเลิกท้อแท้ แล้วลุกขึ้นมาสู้กันอีกสักตั้ง แอดมินเชื่อว่าเราทุกคนทำได้แน่นอน