ให้กำลังใจ ต๊อด ปิติ

ต๊อด ปิติ เหลืออดแล้ว โพสต์เดือดถามวัคซีนหายไปไหน ? ไม่หวั่นหน้าไหน เตือนด่ามาด่ากลับ ซัดด่านหน้าต้องจับสลากฉีดวัคซีน สถานการณ์เลวลงทุกวัน พร้อมแนะนายกฯ ให้ทำแบบนี้.. เผื่อจะคิดอะไรได้
สถานการณ์CV-19 ในประเทศไทยยังคงน่าเป็นห่วง จากยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีดาราคนดังจำนวนมากออกมาใช้ตัวเองเป็นกระบอกเสียง เพื่อเรียกร้องการจัดการและการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพจากรัฐบาล
เช่นเดียวกับ ต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี ทายาทเครือสิงห์ สามีของนางเอกสาว นุ่น วรนุช ที่ล่าสุด (10 สิงหาคม 2564) ออกมาโพสต์ด้วยความเหลืออด หลังเห็นการแถลงข่าวจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดCV- 19 หรือ ศบค. ที่ยอมรับว่าวัคซีนทำให้คนตายน้อยลง โดยโพสต์กราฟแสดงยอดผู้เสียชีวิตจากCV-19 ส่วนใหญ่คือผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน รองลงมาคือคนที่ฉีดวัคซีน 1 เข็มน้อยกว่า 2 สัปดาห์ แต่กลับมีการเลื่อนฉีดอยู่เรื่อย ๆ จึงเกิดคำถามว่า วัคซีนหายไปไหน ?
โดยต๊อดระบุว่า ผมว่าจะไม่โพสต์แล้ว แต่สงสารคนไทย ศบค. พูดโคตรชัดว่าวัคซีนทำให้จำนวนคนตายลดลง แล้วทำไมถึงเลื่อน ทำไมถึงฉีดไม่ได้ตามเป้า วัคซีนหายไปไหน รักกันมาก ๆ หน่อยสิ
“เตือนไว้ก่อนด่ามาจะด่ากลับ หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน ไม่ต้องชื่นชมหรือมาซื้อของบริษัทผม ผมแค่ทำหน้าที่คนไทยคนหนึ่งที่อยากเห็นสิ่งที่ดีขึ้น ผมหวังว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น แต่ไม่เลย เลวลงทุกวัน ผมรู้จักนักการเมืองอยู่เยอะ พวกเขาน่าจะรู้จักผมบ้าง ผมไม่ได้ท้าทายนะครับ แต่ผมถ้ามาผมก็เอา”
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงบุคลากรทางการแพทย์อีกว่า.. ด่านหน้าต้องจับสลากเพื่อจะได้ฉีดวัคซีน บางโรงพยาบาลใช้วิธีผสมน้ำเพื่อให้ครบคน ผมขอสละตัวเองเป็นกระบอกเสียงให้พวกเขา และเมื่อผมเอาจริงคือเอาจริง ! ผมแค่อยากให้นายกฯ แวะไปโรงพยาบาลสนามกับแผนก ICU สัก 2-3 แห่ง เพื่อจะคิดอะไรออกบ้าง
ผมมาจากครอบครัวใหญ่ ทุกอย่างที่เขียนหรือพูดไป ผมรับผิดชอบตัวเองได้ครับ ไม่เกี่ยวกับบริษัทหรือคนอื่นในครอบครัว ที่กล้าพูดแบบนี้เพราะผมไม่ใช่ทาส และมีส่วนได้เสียอะไร ถ้าจะมีปัญหากับผู้ใหญ่ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า ผมตัดสินใจดีแล้ว
โพสต์ของ ต๊อด ปิติ ตรงใจใครหลายคนที่กำลังข้องใจกับปัญหาเรื่องวัคซันCV-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้มีคนเข้าไปร่วมแสดงความคิดเห้นจำนวนมาก รวมถึงชื่นชมที่ร่วม Call Out เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ต๊อดและนุ่น บริจาคเงิน 50 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาล 12 แห่ง เพื่อสู้ภัยกับCV-19 และยังบริจาคเครื่องผลิตออกซิเจน 10 เครื่อง เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยอีกด้วย